เมนู

ยิ่งกว่ามิได้เกษมจากโยคะ เมื่อเป็นผู้มีโศกเป็นธรรมดา ก็ควรทราบชัดโทษ
ในสิ่งมีโศกเป็นธรรมดา แล้วแสวงหาพระนิพพาน ที่หาโศกมิได้ หาธรรม
อื่นยิ่งกว่ามิได้ เกษมจากโยคะ เมื่อเป็นผู้มีสังกิเลสเป็นธรรมดา ก็ควรทราบชัด
โทษในสิ่งมีสังกิเลสเป็นธรรมดา แล้วแสวงหาพระนิพพาน ที่ไม่เศร้าหมอง
หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้เกษมจากโยคะ.

เสด็จเข้าไปหาอาฬารดาบส


[317] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยต่อมา เรากำลังรุ่นหนุ่ม มีเกศา
ดำสนิท ยังอยู่ในปฐมวัย เมื่อพระมารดาและพระบิดาไม่ทรงปรารถนาจะให้
บวช มีพระพักตร์อาบด้วยน้ำพระเนตร ทรงกันแสงอยู่ จึงปลงผมและหนวด
นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ออกจากเรือนไม่มีเรือนบวช เมื่อบวชแล้ว ก็เสาะหา
ว่ากุศลเป็นอย่างไร ขณะที่แสวงหาทางสงบระงับอันประเสริฐซึ่งหาทางอื่นยิ่ง
กว่ามิได้ ได้เข้าไปหาอาฬารดาบส กาลามโคตรแล้ว กล่าวว่า ท่านกาลามะ
ข้าพเจ้าปรารถนาจะประพฤติพรหมจรรย์ ในธรรมวินัยนี้. เมื่อเรากล่าวอย่างนี้
อาฬารดาบส กาลามโคตร จึงกล่าวกะเราว่า เชิญอยู่เถิดท่าน ธรรมนี้ก็เป็น
ธรรมเช่นเดียวกับที่วิญูชนทำให้แจ้งลัทธิของอาจารย์ตนด้วยความรู้ยิ่งเอง
เข้าถึงอยู่ไม่ช้าเลย. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเรียนธรรมนั้นได้โดยรวดเร็ว
ไม่นานเราเพียงเปิดปากเจรจาปราศรัยเท่านั้น เราก็กล่าวญาณวาทและเถรวาท
ได้ และทั้งเราทั้งผู้อื่นก็ทราบชัดว่า เรารู้ เราเห็น. เราจึงคิดว่า อาฬาร
ดาบส กาลามโคตร ย่อมบอกธรรมนี้มิใช่โดยเหตุเพียงความเชื่ออย่างเดียวว่า
เรากระทำให้แจ้งด้วยความรู้ยิ่งโดยตนเองเข้าถึงอยู่ โดยที่แท้ อาฬารดาบส
กาลพโคตร ก็รู้เห็นธรรมนี้อยู่. ต่อนั้นเราจึงเข้าไปหาอาฬารดาบส กาลามโคตร
แล้วถามว่า ท่านกาลามะ ท่านกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมนี้ ด้วยความรู้ยิ่งโดย
ตนเอง เข้าถึง บอกโดย ด้วยเหตุเพียงเท่าใด. เมื่อเราถามอย่างนี้ อาฬารดาบส
กาลามโคตร จึงบอกอากิญจัญญายตนสมาบัติแก่เรา. เราจึงคิดว่า มิใช่แต่